วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

มาดูนิสัยลูกคนโต พี่คนกลาง น้องคนเล็ก




บ่อยครั้งที่มักตัดสินลูกๆ ว่า ก็เพราะเขาเป็นลูกคนโต หรือเพราะเป็นน้องเล็กสุดท้อง นิสัยเลยเป็นแบบนั้นเป็นแบบนี้วันนี้ขอนำเกร็ดความรู้ดีๆ เกี่ยวกับลักษณะนิสัยของลูกคนโต คนกลาง และคนเล็ก (โดยส่วนใหญ่) อย่างนั้นก็ลองมาดูสิว่านิสัยของลูกแต่ละคนเป็นอย่างไร

นิสัย ลูกคนเดียว
ข้อดี : เป็นคนที่มุ่งมั่นในการทำงาน รู้จักจัดระเบียบให้กับชีวิต มีความรับผิดชอบ
ข้อเสีย : เป็นคนที่ค่อนข้างดื้อ เจ้าคิดเจ้าแค้น มักชอบเรียกร้อง และไม่ค่อยยอมรับความผิดพลาดของตัวเองทนต่อเสียงวิจารณ์ได้น้อยและค่อนข้าง sensitive

นิสัยลูกคนโต
ข้อดี : เป็นคนที่มีความเป็นผู้นำ ต้องการมีอำนาจหรือโดดเด่นเหนือคนอื่น เป็นคนที่มีความเที่ยงตรงและตรงต่อเวลา คนที่เป็นลูกคนโตมักยึดความถูกต้องเป็นหลัก
ข้อ เสีย : มักเป็นคนที่หงุดหงิดง่าย ชอบใช้อำนาจหรือบีบบังคับเมื่อต้องการให้ใครทำอะไรให้ตัวเอง บางครั้งก็มักวางตัวว่ารู้ไปเสียทุกเรื่องจึงมักผิดพลาดได้ง่าย เพราะไม่ค่อยไว้วางใจคนอื่นเหมือนกับที่วางใจตัวเอง

นิสัยลูกคนกลาง
ข้อ ดี : เป็นคนที่น่าคบหา มีมนุษย์สัมพันธ์ดี และมักทำให้คนที่อยู่ด้วยมีความสุข ชอบใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายเหมือนทะเลไร้คลื่น รักความสงบมีความเป็นมิตรให้กับคนรอบข้าง เป็นนักฟังที่ดีและมีความตั้งใจที่จะทำให้คนอื่นมีความสุขจึงมีแนวโน้มที่จะ เป็นนักแก้ปัญหาให้กับคนอื่นได้ดี
ข้อเสีย : มีความกระตือรือร้นน้อยกว่าคนที่เป็นลูกคนโตและเนื่องจากต้องการเป็นที่ยอม รับของคนอื่น จึงมักทำให้คนที่เป็นลูกคนกลางพยายามทำตัวตามความต้องการของคนอื่น หรือทำให้คนที่คบรอบข้าง มีความสุขจนเกินขอบเขต หากไม่เป็นไปอย่างที่คาดไว้จึงมักลงโทษตัวเอง หรือมองตัวเองในแง่ลบไป

นิสัยลูกคนเล็ก
ข้อ ดี : มักเป็นคนที่สนุกสนาน ร่าเริง มีความเป็นมิตรกับคนรอบข้าง เข้ากับคนได้ง่าย เป็นคนที่อบอุ่น น่าคบหา เป็นคนเปิดเผย จริงใจ
ข้อเสีย : มักเบื่อง่าย ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางค่อนข้างเอาแต่ใจ เมื่อคบหากับใคร ช่วงแรกๆ ก็ดูน่าตื่นเต้น น่าสนุกสนาน แต่เมื่อความสนุกสนานหมดไป ก็เหมือนงานเลี้ยงเลิกรา การสร้างความสัมพันธ์ที่จริงจังและเป็นความสัมพันธ์ระยะยาวจึงดูเป็นเรื่อง ยากสักหน่อย

เกี่ยวกับชีวิตคู่

คู่ที่เป็นลูกคนโตกับลูกคนโต : น่าจะไปด้วยกันได้ยาก ไม่ว่าฝ่ายหนึ่งจะเป็นฝ่ายเอาอกเอาใจ หรือหัวแข็งด้วยกันทั้งคู่ ดูเหมือนเส้นทางชีวิตคู่จะเต็มไปด้วยขวากหนามแห่งความไม่เข้าใจกัน

คู่ที่เป็นลูกคนโตกับลูกคนกลาง : จุดอันตรายของคนคู่นี้ อยู่ที่ว่าลูกคนกลางมักจะเป็นคู่รักที่ดีของทุก ๆ คน แต่เมื่อมาเจอกับคนที่เป็นลูกคนโต ซึ่งมักชอบวางอำนาจแม้ว่าคนที่เป็นลูกคนกลางจะยอมโอน อ่อนผ่อนตาม แต่นานๆ เข้าคนที่เป็นลูกคนกลางก็จะรู้สึกแย่ๆ กับตัวเอง และจะสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเองลง ความพยายามที่จะทำให้คู่รักที่เป็นลูกคนโตชื่นชอบ ก็จะหมดไปด้วย แต่อย่างไรก็ตามหากคนที่เป็นลูกคนกลางมีนิสัยค่อนไปทางลูกคนเล็กก็จะเป็นคู่ ที่ไปด้วยกันได้ดีทีเดียว

คู่ที่เป็น ลูกคนโตกับลูกคนสุดท้อง : จัดว่าเป็นคู่ที่ผสมผสานได้อย่างลงตัวที่สุด เพราะคนที่เป็นลูกคนโตจะช่วยสอนให้คนที่เป็นลูกคนเล็กรู้จักการจัดระเบียบ ให้กับชีวิตซึ่งช่วยให้แก้ ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ดี ในขณะที่คนที่เป็นลูกคนเล็กก็จะนำความสนุกสนาน ร่าเริง มาให้คนที่เป็นลูกคนโต ก็ชีวิตไม่ได้มีแต่เรื่องซีเรียสนี่นา

คู่ที่เป็นลูกคนกลางทั้งคู่ : คู่นี้อาจจะเป็นไปได้ 2 ทางคือหากคนหนึ่งมีนิสัยค่อนไปทางลูกคนโตและอีกคนมีนิสัยค่อนไปทางลูกคนเล็ก คู่นี้จะเป็นคู่ที่เหมาะสมกันทีเดียว แต่ถ้าหากทั้งคู่เป็นคนที่ไม่ยืดหยุ่น ถึงแม้จะพอประคับประคองชีวิตคู่กันไปได้ แต่ต้องเก็บงำความเจ็บช้ำไว้ข้างในตามนิสัยของลูกคนกลางที่ไม่ค่อยพูดอะไร ออกมา คู่นี้ไม่มีปัญหาเรื่องการนอกใจกัน

คู่ที่เป็นลูกคนกลาง กับลูกคนสุดท้อง : ถ้าคนที่เป็นลูกคนกลาง มีลักษณะค่อนไปทางลูกคนโต คู่นี้จะเป็นคู่ที่เหมาะสมกันดี แต่หากเป็นแบบลูกคนกลางจริงๆ แล้ว ก็มักจะคล้อยตามให้เห็นดีเห็นงามกับการใช้ชีวิตในสไตล์ของลูกคนเล็กคือ มักจะขาดความรับผิดชอบและมักสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นเนืองๆ และถ้าเป็นลูกคนกลางที่มีนิสัยค่อนไปทางลูกคนเล็กแล้วละก็ ชีวิตคู่ดูจะยุ่งยากทีเดียว

คู่ที เป็นลูกคนเล็กด้วยกันทั้งคู่ : คนคู่นี้ ค่อนข้างร่าเริง มองโลกด้วยความสนุกสนาน แต่มักไม่ใช่พวกที่ชอบแก้ปัญหา เป็นคู่รักที่น่าอิจฉาแต่อาจจะเป็นคู่ชีวิตที่ไม่ยั่งยืนนัก



หมายเหตุ : บทความนี้เป็นการวิเคราะห์ทางจิตวิทยา ตรงบ้าง ไม่ตรงบ้าง คอยสังเกตนิสัยลูกๆ ว่าเป็นอย่างไรไม่ต้องซีเรียสกับการทายนะ

ที่มา: Dr. Kevin Leman จาก myfirstbrain




ในโอกาสครบ 20 ปี เทรนด์ ไมโคร อิงค์ ธุรกิจจัดการและรักษาความปลอดภัยข้อมูลบนอินเตอร์เน็ต จัดทำรายงานสรุป 20 อันดับไวรัสที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ พร้อมเสนอแนะแนวทางการป้องกันภัยคุกคามข้อมูลไว้


20 อันดับไวรัสที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์

1.CREEPER (1971) โปรแกรมหนอนอินเตอร์เน็ตตัวแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ในคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ TOPS TEN

2.ELK CLONER (1985) ไวรัสคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลตัวแรกที่เกิดกับ Apple IIe เป็นผลงานของเด็กนักเรียนระดับมัธยมศึกษา (เกรด 9)

3.THE INTERNET WORM (1985) เขียนโดยบุคลากรในมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ซึ่งมีผลต่อการใช้งานอินเตอร์เน็ต

4.PAKISTANI BRAIN (1988) ไวรัสตัวแรกที่ติดกับคอมพิวเตอร์พีซีไอบีเอ็ม เขียนโดยสองพี่น้องจากปากีสถาน ถือเป็นไวรัสตัวแรกที่สื่อให้ความสนใจอย่างแพร่หลาย

5.JERUSALEM FAMILY (1990) มีสายพันธุ์ที่แตกต่างกันประมาณ 50 สายพันธุ์ เชื่อกันว่ามีต้นกำเนิดมาจากมหาวิทยาลัยเยรูซาเล็ม

6.STONED (1989) ไวรัสที่แพร่ระบาดหนักที่สุดช่วงสิบปีแรก ติดเชื้อในส่วนบูตระบบ /.mbr ส่งผลให้รีบูตระบบหลายครั้งและยังแสดงข้อความว่า "your computer is now stoned"

7.DARK AVENGER MUTATION ENGINE (1990) เขียนเมื่อปี 1988 แต่นำไปใช้ครั้งแรกต้นปี 1990 เช่นเดียวกับไวรัส POGUE และ COFFEESHOP กลไกการกลายพันธุ์ได้หลากหลายรูปแบบของไวรัสตัวนี้ ทำให้ไวรัสสามารถทำงานได้ตลอดเวลา

8.MICHEANGELO (1992) สายพันธุ์หนึ่งของ STONED ความสามารถทำลายล้างสูง โดยวันที่ 6 มีนาคม ไวรัสตัวนี้จะลบ 100 เซ็คเตอร์แรกของฮาร์ดไดรฟ์ให้ใช้งานไม่ได้

9.WORLD CONCEPT (1995) ไวรัส Microsoft Word Macro ตัวแรกที่แพร่กระจายสู่โลกภายนอก โดยมีการแอบใส่ข้อความไว้ว่า "That"s enough to prove my point" ถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ในยุคที่สองของไวรัสคอมพิวเตอร์ และที่สำคัญเป็นไวรัสคอมพิวเตอร์ที่เกิดจากแฮกเกอร์ซึ่งมีทักษะน้อยมาก

10.CIH/CHERNOBYL (1998) ไวรัส Chernobyl เป็นไวรัสทำลายล้างมากที่สุดเท่าที่เคยพบ เริ่มปฏิบัติการทำลายล้างโดยอาศัยเงื่อนไข คือ เมื่อปฏิทินในเครื่องคอมพิวเตอร์ตรงกับวันที่ 26 ในทุกๆ เดือน สามารถทำลายข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ และทำลายข้อมูลการบูตที่เก็บอยู่ในไบออส โดยแฟลชไบออสด้วยข้อมูลขยะส่งผลให้ข้อมูลต่างๆ ที่เคยแสดงตอนบูตเครื่องกลายเป็นหน้าว่างๆ และไม่สามารถเรียกขึ้นมาใช้งานได้อีกต่อไป

11.MELISSA (1999) ไวรัสสำคัญตัวแรกที่แพร่ระบาดผ่านอี-เมล และเป็นการเริ่มต้นของยุคไวรัสอินเตอร์เน็ตอย่างแท้จริง แม้ Melissa ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการทำลาย แต่ก่อให้เกิดความรำคาญแก่ผู้ใช้เนื่องจากจะทำให้กล่องรับอี-เมลเต็มในทุก ที่ที่เกิดการติดเชื้อ

12.LOVEBUG (2001) หนอนอี-เมลที่ได้รับความนิยมสูงสุด เป็นรูปแบบของการใช้ชุมชนเครือข่ายสังคมออนไลน์ให้เป็นประโยชน์

13.Code RED (2001) ตั้งชื่อตามเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูงที่ได้รับความนิยม ไวรัสเครือข่ายตัวนี้จะอาศัยอยู่ในคอมพิวเตอร์ที่มีช่องโหว่ความปลอดภัย และทำการแพร่ระบาดด้วยตัวเอง

14.NIMDA (2001) เรียกกันว่า "Swiss Army Knife" หรือมีดอเนกประสงค์ของไวรัส ซึ่งจะใช้หลายวิธีในการเข้าสู่เครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นหน่วยความจำล้นอี-เมล การใช้เครือข่ายร่วมกัน และวิธีการอื่นๆ อีกเป็นสิบวิธี

15.BAGEL/NETSKY (2004) เป็นไวรัสที่ออกแบบมาโดยมีความสามารถเทียบเคียงกัน และต่อสู้กันเอง แต่ละตัวสร้างสายพันธุ์ออกมาอีกนับร้อยสายพันธุ์ และใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งประสบความสำเร็จในการแพร่ระบาดอย่างมาก หนอนทั้งสองตัวนี้ติดอยู่ในกระแสข่าวตลอดทั้งปี

16.BOTNETS (2004) นักรบซอมบี้ในโลกอินเตอร์เน็ตเหล่านี้ช่วยงานอาชญากรไซเบอร์ด้วยการสะสม กำลังพลคอมพิวเตอร์ที่ติดเชื้ออย่างไม่มีวันสิ้นสุด โดยอาชญากรไซเบอร์จะสามารถกำหนดค่าใหม่ให้กับคอมพิวเตอร์ในเครือข่ายได้ เพื่อให้ส่งต่อสแปม เพิ่มเหยื่อติดเชื้อ และขโมยข้อมูล

17.ZOTOB (2005) หนอนตัวนี้มีผลเฉพาะกับระบบ Windows 2000 ที่ไม่ได้ติดตั้งโปรแกรมซ่อมแซม แต่ความสามารถที่โดดเด่น เข้าควบคุมไซต์ของสื่อรายใหญ่หลายแห่ง รวมทั้งซีเอ็นเอ็น และนิวยอร์ก ไทม์ส ด้วย

18.ROOTKITS (2005) หนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลกของโค้ดที่เป็นอันตราย ซึ่งถูกใช้เพื่อทำให้มัลแวร์อื่นสามารถซ่อนตัวอยู่ในคอมพิวเตอร์ได้ โดยมัลแวร์ที่ซ่อนตัวอยู่จะทำงานที่เป็นอันตรายอย่างลับๆ

19.STORM WORM (2007) ไวรัสลวงที่ที่เกิดขึ้นซ้ำนับพันๆ ครั้ง และในท้ายที่สุดก็จะสร้างบ็อตเน็ตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยเชื่อว่ามีคอมพิวเตอร์ที่ติดเชื้อในเวลาเดียวกันมากกว่า 15 ล้านเครื่อง และอยู่ภายใต้การควบคุมของอาชญกรใต้ดิน

20.ITALIAN JOB (2007) ไม่ใช่มัลแวร์ที่ใช้เครื่องมือเดี่ยวๆ แต่เป็นการโจมตีร่วมกันโดยใช้ชุดเครื่องมือที่จัดเตรียมไว้ล่วงหน้าหรือ รู้จักว่า MPACK เพื่อสร้างมัลแวร์รุ่นใหม่เพื่อการขโมยข้อมูลขึ้นมา และมีเว็บไซต์กว่าหมื่นแห่งตกเป็นเหยื่อ

วิธีป้องกันภัยคุกคามข้อมูล

๏ เปิดใช้งานและปรับปรุงซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยให้ทันสมัยเสมอ โดยเฉพาะถ้าใช้งานแล็ปท็อปที่ต้องเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่ไม่มีการป้องกัน ใดๆ ในบริเวณสนามบิน ร้านกาแฟ และสถานที่ต่างๆ

๏ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์ป้องกันภัยบนเว็บครอบคลุมการป้องกันอี-เมล และแอพพลิเคชั่นการประมวลผลที่ใช้ทั้งหมด และสามารถแจ้งเตือนเกี่ยวกับปริมาณการส่งผ่านข้อมูลทั้งเข้าและออกจาก คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้งานในเวลาจริง

๏ ปรับใช้เทคโนโลยีล่าสุด เช่น การป้องกันโดยเทคโนโลยีการตรวจสอบชื่อเสียง และประวัติเว็บไซต์ (Web Reputation) ซึ่งสามารถวัดระดับความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ก่อนที่คุณจะเข้าเยี่ยมชมได้ ควรใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบประวัติเว็บร่วมกับเทคโนโลยีการกรองยูอาร์แอล และการสแกนเนื้อหา

๏ ถ้าผู้ใช้งานใช้ระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows ให้เปิดใช้งาน Automatic Update และติดตั้งโปรแกรมปรับปรุงใหม่ๆ ทันทีที่พร้อมใช้งาน




การสะอึกเป็นสภาวะที่ร่างกายทำงานผิดปกติต่างหาก เนื่องจากกะบังลมซึ่งเป็นแผ่นกล้ามเนื้อและเนื้อพังผืดกั้นระหว่างช่องท้อง กับช่องอกยืด-หดตัวไม่สม่ำเสมอ


นอกจากนี้ สาเหตุของการสะอึก อาจเกิดได้จาก มีสิ่งแปลกปลอมไปรบกวนเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของกะบังลม, ลมในกระเพาะอาหารขยายตัวไปดันกะบังลม, กลืนอาหารหรือน้ำจำนวนมากจนไหลลงกระเพาะไม่ทัน ทำให้หลอดอาหารตอนปลายขยายตัวไปกระตุ้นปลายประสาทที่มาเลี้ยงกระบังลม หรืออวัยวะใกล้กะบังลมเป็นโรคบางอย่าง เช่น เยื่อหุ้มปอดอักเสบ เป็นต้น

ส่ง ผลให้กะบังลมหดตัวอย่างรุนแรงทันทีทันใด
การบีบรัดตัวของกระบังลมทำให้ แผ่นเหนือกล่องเสียงที่คอหอยซึ่งปรกติคอยกั้นไม่ให้อาหารเข้าไปในหลอดลมปิด ลง เมื่อกระบังลมหดอย่างแรงก็จะดึงอากาศเข้าสู่ปอดผ่านคอหอย อากาศจึงกระทบกับแผ่นปิด แล้วทำให้สายเสียง (เส้นเอ็น 2 เส้น) สั่นสะเทือน จึงเกิดเสียงอึ๊กๆ อย่างที่ได้ยินเวลาสะอึก ซึ่งอาการสะอึกอาจเกิดขึ้นได้นาทีละหลายครั้ง และสะอึกต่อเนื่องกันได้หลายชั่งโมง จนคนสะอึกเหนื่อย

แต่ใช่ว่าไม่มีวิธีแก้ ซึ่งก็มีหลายวิธี เช่น หายใจลึกๆ กลั้นหายใจ หายใจในถุงกระดาษสัก 3-5 นาที ดื่มน้ำแก้วโตพร้อมกับกลั้นหายใจ หาสิ่งใดแยงจมูกให้จาม ถ้าเป็นเด็กอ่อนควรอุ้มพาดบ่าแล้วใช้มือลูบหลังเบาๆ ให้เรอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น