วันพฤหัสบดีที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

การออกกำลังกายอาจดีต่อหัวใจแต่กลับทำร้ายร่างกาย





สาวๆ หลายคนไม่รู้ว่าการออกกำลังบางอย่างนั้น เป็นเหมือนดาบสองคมมันอาจดีต่อหัวใจ แต่ก็อาจทิ่มแทงร่างกายของเราได้เช่นกันหัวใจสำคัญอยู่ที่การออกกำลังให้ได้ ประโยชน์ ทั้งร่างกายและหัวใจต่างหากและนี่คือวิธีที่ดีที่สุดต่อหัวใจและร่างกายของ เราพร้อมกับการออกกำลังกายที่ไม่เอา-ไม่ดีนะจ๊ะ.....


ดีที่สุด

1.การ ออกกำลังแบบอินเทอร์วัล


เป็นการออกกำลังอันดับหนึ่งในแง่ของการป้องกันโรคหัวใจ
โรคเบาหวาน ในการลดน้ำหนัก และช่วยสร้างความแข็งแรงให้ร่างกาย
มีเคล็ดลับง่าย ๆ ก็คือการผสมผสานระหว่างการออกกำลังกายหนัก ๆ ในระยะสั้น
ๆ กับการออกกำลังเบา ๆ ที่นานกว่าเล็กน้อย เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัว เช่น
ถ้า คุณชอบเดิน ลองสลับเดินปกติ 3 นาที กับเดินเร็ว ๆ 1 นาที
อัตราชีพจรที่ ขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง
จะช่วยส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือดหัวใจ ช่วยเผาผลาญแคลอรี
และเพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดทั้งไขมันและน้ำตาลออก จากกระแสเลือด

2.การออกกำลังกายทั่วเรือนร่างแบบที่ไม่มีแรงกระแทก


ยิ่งใช้กล้ามเนื้อมากชนิดเท่าไหร่
หัวใจก็ยิ่งต้องทำงานหนักมากขึ้นเท่า นั้น
เพื่อสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อเหล่านั้น
จนในที่สุดหัวใจก็ จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นว่ายน้ำ พายเรือ
หรือสกีครอสคัน ทรี ล้วนแล้วแต่ใช้กล้ามเนื้อเกือบทุกส่วนของร่างกาย
โดยที่ไม่ได้เกิน แรงไปมากนัก
เมื่อนำมาประยุกต์เข้ากับการออกกำลังแบบอินเทอร์วัล นั่นล่ะเพอร์เฟ็กต์เลย!

3.ยกน้ำหนัก


ในแง่หนึ่งการยกน้ำหนักอาจคล้ายกับการออกกำลังแบบอินเทอร์วัล
ในขณะที่ทำ ท่าซ้ำ ๆ
อัตราชีพจรจะเร่งขึ้นและกลับมาเป็นปกติเมื่อพักระหว่างเซ็ต
ด้วย การยกน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพนี้เอง
กล้ามเนื้อที่แข็งแรงจะช่วยแบ่ง เบาภาระต่อหัวใจ
ถ้าจะให้ดีลองใช้ตุ้มน้ำหนักดีกว่า มันจะบังคับให้คุณใช้กล้ามเนื้อมากขึ้น
สร้างความแข็งแกร่งและสมดุลให้ กับลำตัว

4.การ บริหารแกนกลางลำตัว


รู้มั้ยทำไมใคร ๆ ก็ชอบพิลาทีส? เหตุผลก็คือ
ไม่ใช่แค่ช่วยสร้างความแข็งแรงแก่กล้ามเนื้อ แกนกลางลำตัว
ช่วยพัฒนาความยืดหยุ่นและสมดุลของร่างกาย
หรือช่วยให้ เล่นกีฬาได้ดีขึ้นเท่านั้น
แต่พิลาทีสทำให้การใช้ชีวิตประวันของคุณดี ขึ้น
เพราะไม่ว่าจะทำอะไรคุณก็ต้องมีรากฐานร่างกายที่มั่นคง ซึ่งพิลาทีสช่วยได้!

5.โยคะ


เป็นเรื่องจริงที่ว่าโยคะสามารถลดความดันโลหิต
ทำให้หลอดเลือดยืดหยุ่น ขึ้น และส่งเสริมสุขภาพของหัวใจได้ นอกจากนี้
ยังทำให้แกนของร่างกายแข็ง แรงขึ้นด้วยนะจ๊ะ

6.กระฉับกระเฉงทุกเวลา


คนที่หมั่นเคลื่อนไหวตลอดเวลา เช่น ทำความสะอาด ทำสวน
หรือเดินระยะสั้น ๆ ไม่ว่ากิจกรรม เหล่านั้นจะเล็กน้อยแค่ไหน
จะสามารถเผาผลาญแคลอรีได้ มากกว่า
และมีสุขภาพดีกว่าคนที่นั่งอยู่ที่หน้าจอทั้งวันแล้วออกกำลัง 30-60
นาทีต่อวัน เครื่องนับก้าวเดินก็เป็นเครื่องมือที่แจ่มมาก
ลอง ใช้ดูแล้วจะรู้ว่าปกติคุณแอ็กทีฟขนาดไหน!


แย่ที่สุด

7.วิ่งระยะไกลบนทาง เท้า


คุณและเพื่อนร่วมก๊วนอาจเมื่อยล้าและปวดตามที่ต่าง ๆ
และนี่อาจบอกใบ้ว่า ความจริงแล้ว
ร่างกายของมนุษย์ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับการวิ่งเหยาะ ๆ นาน ๆ หรอก
แม้ว่าการวิ่งระยะไกลจะช่วยทำให้หัวใจแข็งแรง แต่มันทำให้ร่างกายอ่อนล้านะ

8.การออกกำลังหนัก ๆ ทุกประเภทที่ขาดการฝึกฝน


ตั้งแต่การปั่นจักรยาน 40 กิโลเมตร ทั้งที่ไม่เคยฝึกมาก่อน

หรืออยู่ดี ๆ ก็หันไปเล่นตะกร้อ อะดรีนาลีน
ที่เพิ่มขึ้นมากเกินรับได้นั้นอาจทำให้ หัวใจวายได้
และด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ จงอย่าออกกำลังกายหนัก ๆ
โดย ที่ไม่ได้วอร์มอัพก่อนเด็ดขาด

วารสารวิชาการ "การระบาดวิทยา ตัววัดความเสี่ยงและการป้องกันมะเร็ง" ของสมาคมวิจัยมะเร็งแห่งอเมริกา รายงานว่า มีการศึกษาพบว่า การดื่มเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่มีรสหวาน จะทำให้เสี่ยงกับการเกิดเป็นมะเร็งของตับอ่อน อันเป็นมะเร็งที่ทำให้ถึงตายได้มากที่สุดชนิดหนึ่ง อย่างน่าหวาดหวั่น

รายงานผลการศึกษาส่อว่า เพียงแค่ดื่มอาทิตย์ละเพียง 2 หน ก็ทำให้โอกาสที่จะเป็นโรคเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า

ผู้ช่วยศาสตราจารย์มาร์ค พีไรนา ของโรงเรียนสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมินเนโซตา

ผู้เขียนรายงานอาวุโส กล่าวว่า "ระดับน้ำตาลในเครื่องดื่มที่สูง อาจจะไปหนุนระดับอินซูลินในร่างกายให้สูงขึ้น ซึ่งคิดว่ามีส่วนช่วยเป็นปุ๋ยให้เซลล์มะเร็งตับอ่อนเติบโตขึ้น"

ผล การศึกษาแจ้งต่อไปว่า "ผู้ที่ดื่มน้ำอัดลมอาทิตย์ละ 2 หนขึ้นไป จะมีอัตราเสี่ยงกับโรคสูงขึ้น เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้ดื่ม ถึงร้อยละ 87 ซึ่งไม่พบลักษณะแบบเดียวกัน เกิดในหมู่ผู้ที่ดื่มน้ำผลไม้คั้น".


ทำไมเวลาขึ้นลิฟต์เราจึงรู้สึก เสียวบริเวณช่องท้อง?







ความรู้สึกวูบหวิวหรือเสียวบริเวณหน้าท้อง ในขณะที่ลิฟท์ขึ้นหรือลิฟท์ลง คุณเองก็คง เคยเกิดความรู้สึกดังกล่าวมา บ้าง ความรู้สึกข้างต้นเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงอัตราเร่งของลิฟท์ หมายความว่า ลิฟท์ไม่ได้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่สม่ำเสมอ แต่เคลื่อนที่หรือเคลื่อนตัวด้วยความเร็วบ้างช้าบ้างสลับกัน และการเคลื่อนที่ในลักษณะเร็วๆ ช้าๆ โดยมีการเปลี่ยนอัตราเร่งอย่างฉับพลันนี้เอง ที่มีผลทำให้เราเกิดความรู้สึกดังกล่าวข้างต้นบางคนอาจจะรู้สึกตัวเบาหรือ ตัวลอยก็ด้วยสาเหตุเดียวกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น