จริง ๆ แล้ววิธีนี้เป็นมาตรการที่เอาไว้ใช้กำจัดเชื้อโรคที่ตกค้างในช้อน เพื่อความถูกสุขลักษณะในการทานอาหาร แต่ก็อย่าเพิ่งวางใจไปค่ะ เพราะถ้าหากไม่มีการเปลี่ยนน้ำในหม้อลวกทุกชั่วโมง น้ำในหม้อก็จะกลายเป็นแหล่งรวมสารพัดเชื้อโรคดี ๆ นี่เอง อีกอย่างถ้าน้ำในหม้อไม่เดือด เชื้อโรคก็ไม่มีทางตายไปได้หรอก
ดังนั้น ทุกครั้งก่อนที่จะนำช้อนไปลวก ก็ควรสังเกตดูน้ำในหม้อว่าเดือดหรือไม่ แล้วก็จะควรจะแช่ช้อนไว้สักพักหนึ่งพอสมควร ที่สำคัญหากมีป้ายบอกว่าเปลี่ยนน้ำทุก ๆ กี่ชั่วโมงก็จะเป็นการดีมากขึ้นทีเดียว
เชื้อโรคมีอยู่รอบตัวเรา ทางที่ดีก็อย่าลืมใส่ใจกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของตัวคุณเอง..
++++++
ละครละครน้ำเน่า หรือ soap opera
นั้นก็คือ ละครที่เผยแพร่ทางวิทยุและโทรทัศน์
ซึ่งชาวต่าง ชาติใช้คำว่า soap opera มายาวนาน
จนปัจจุบันเพียงแค่ผู้ชมเรียกว่า soap ก็เป็นอันเข้าใจกัน
(ในบริบทเกี่ยวกับละคร แต่ธรรมดาแล้ว soap ก็คือสบู่ทั่วไป)
โดยสิ่งที่ทำให้ละครแนว soap opera ต่างจากละครโดยทั่วไป
ก็คือ soap opera จะเป็นละครที่เน้นเรื่องของอารมณ์
การ บีบคั้นความรู้สึกเป็นอย่างมาก (Melodrama)
ส่วนจุดเริ่มต้นของคำคำนี้นั้นเกิดขึ้นที่สหรัฐฯ ในช่วงทศวรรษที่ 1930
เนื่องจากละครทางวิทยุในช่วงนั้น มักจะออกอากาศในตอนกลางวัน
(ซึ่งเรียกได้อีกชื่อว่า daytime serial drama)
ด้วยเหตุนี้โฆษณาที่ออกอากาศในช่วงนี้
จึงมักจะเป็นสินค้าที่ มีกลุ่มแม่บ้าน เป็นเป้าหมาย
โดยจะเป็นพวกของใช้สำหรับการรีดผ้าซักผ้า รวมไปถึงสบู่
จนผู้ฟังต่างชินว่าถ้ามีละครก็จะมีโฆษณาพวกสบู่
ของใช้ต่างๆ เหล่านี้มาพร้อม กัน
ทำให้คำว่า soap opera ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
โดยละครน้ำเน่าทางวิทยุนั้น เริ่มในนครชิคาโกเมื่อปี 1930
ซึ่งทาง WGN ได้นำเสนอเรื่อง Painted Dreams
ซึ่งเป็นเรื่องชีวิตความยากลำบากของแม่บ้านชาวอเมริกันเชื้อสายไอริช
และลูกสาวของเธอ
โดย จะออกอากาศตอนละ 15 นาทีเท่านั้น
จากนั้น เมื่อถึงช่วงเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 2
ปรากฏว่ามีละครน้ำเน่าทาง วิทยุหลายเรื่อง
ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ในส่วนของโทรทัศน์ นั้น ละคร soap opera ได้เริ่มออกอากาศที่สหรัฐฯ
เมื่อปี 1946 คือเรื่อง Faraway Hill ซึ่งออกอากาศในช่อง DuMont
ก่อนที่ละครแนว soap opera จะเข้าสู่ระบบโทรทัศน์เน็ตเวิร์ก
ในปี 1949 ทางช่อง NBC
ทั้งนี้ แม้ว่าปัจจุบันละคร soap opera
ยังคงได้รับการสนับสนุนจากบริษัทอย่าง Procter & Gamble
ที่ผลิตสินค้าประเภท สบู่ ยาสระผม อยู่ก็ตาม
แต่ จากการที่ปัจจุบันละคร soap opera
ได้ดึงดูดผู้ชมในหลายๆกลุ่มมากขึ้น
เช่น กลุ่มวัยรุ่น ทำให้โฆษณาสินค้าในละคร soap opera นั้น
มีทั้งที่เป็นยา รักษาสิว ยาคุมกำเนิด และผลิตภัณฑ์อื่นๆด้วย
ไม่ได้เป็นเพียงสินค้า เครื่องใช้สำหรับแม่บ้านเพียงอย่างเดียว
++++
การผ่าฟันคุด
1. เพื่อป้องกันอาการปวด เพราะตัวฟันคุดเองมีแรงผลักเพื่อจะงอกขึ้นมาในขากรรไกร แต่ถูกกันหรือติดโดยฟันข้างเคียง ทำให้มีแรงย้อนกลับไปกดที่เส้นประสาทของขากรรไกร อาการปวดมีตั้งแต่ทนได้จนกระทั่งปวดมาก ในบางครั้งอาจมีอาการปวดแบบส่งต่อหลังจากตำแหน่งฟันคุดไปยังบริเวณอื่นของใบ หน้า เช่น ปวดหน้าหู ปวดตา ปวดศีรษะ เป็นต้น
2. เพื่อป้องกันการอักเสบของเหงือกที่ปกคลุมฟัน เพราะจะมีเศษอาหารเข้าไปติดอยู่ใต้เหงือก แล้วไม่สามารถทำความสะอาดได้ เชื้อแบคทีเรียที่มาสะสมอยู่จะทำให้เหงือกอักเสบ ปวดและบวมเป็นหนอง ถ้าทิ้งไว้การอักเสบจะลุกลามไปใต้คางหรือใต้ลิ้น ซึ่งจะทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้ง่ายนับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง
3. เพื่อป้องกันฟันข้างเคียงผุ ซอกฟันระหว่างฟันคุดกับ ฟันกรามซี่ที่สองที่อยู่ชิดกันนั้น ทำความสะอาดได้ยาก เศษอาหารจะติดค้างอยู่ทำให้เกิดฟันผุได้ทั้งสองซี่
4. เพื่อป้องกันการละลายตัวของกระดูก แรงดันจากฟันคุดที่ พยายามดันขึ้นมา จะทำให้กระดูกรอบรากฟันหรือรากฟันข้างเคียงถูกทำลายไป
5. เพื่อป้องกันการเกิดถุงน้ำหรือเนื้องอก ฟันคุดที่ทิ้งไว้นาน เนื้อเยื่อที่หุ้มรอบฟันคุด อาจจะขยายใหญ่ขึ้นกลายเป็นถุงน้ำ แล้วโตขึ้นโดยไม่แสดงอาการเลย จนในที่สุดเกิดการทำลายฟันซี่ข้างเคียง และกระดูกรอบๆ บริเวณนั้น หากไม่เคยได้รับการตรวจฟัน มักจะรู้ตัวอีกทีเมื่อเห็นใบหน้าเอียงหรือขากรรไกรข้างหนึ่งใหญ่กว่าอีกข้าง ซึ่งถ้าพบและรีบทำการผ่าตัดออกได้เร็ว การสูญเสียอวัยวะ ขากรรไกรก็น้อย ยังสามารถรักษารูปหน้าให้เหมือนเดิมได้ แต่ถ้าถุงน้ำหรือเนื้องอกมีขนาดใหญ่มากๆ ก็อาจต้องตัดขากรรไกรบางส่วนออก การรักษารูปใบหน้าให้เหมือนเดิมก็ทำได้ยากขึ้น
6. เพื่อป้องกันกระดูกขากรรไกรหัก เนื่องจากการที่มีฟันคุดฝังอยู่จะทำให้กระดูกขากรรไกรบริเวณนั้นบางกว่า ตำแหน่งอื่นเกิดเป็นจุดอ่อน เมื่อได้รับอุบัติเหตุหรือกระทบกระแทก กระดูกขากรรไกรบริเวณนั้นก็จะหักได้ง่าย
7. วัตถุประสงค์อื่น ๆ เช่น ในการจัดฟัน มักต้องถอนฟันกรามซี่ที่สามออกเสียก่อนเพื่อให้ง่ายต่อการเคลื่อนฟันซี่ อื่นๆ และแรงดันของฟันคุด ยังมากพอที่จะผลักให้ฟันข้างเคียงรับแรงกระทบต่อๆ กันไปจนฟันบิดซ้อนเกได้ ในการจัดฟันทันตแพทย์จึงมักแนะนำให้ถอนฟันคุดออกก่อนใส่เครื่องมือ จะเห็นได้ว่าการเก็บฟันคุดไม่มีผลดีเลย ถือเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่งที่เกิดอันตรายกับสุขภาพปากของคนเราหลายด้าน จึงควรผ่าเอาออก... ผลดีมีมากกว่าจริงๆ ค่ะ
++++++
(ร้านอาหารที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยสุด)
De Waag เป็นร้านอาหารที่มีการก่อสร้างที่สวยงาม ตั้งอยู่ใจกลางของย่าน Nieuwmarkt เรียกได้ว่าถ้านึกถึงย่าน Nieuwmarkt เมื่อไหร่ คนส่วนมากจะต้องนึกถึงร้าน De Waag เป็นอันดับแรก โดยตึกบริเวณนี้ถูกสร้างตั้งแต่ปี 1488 และเป็นรั้วกำแพงเมืองอัมสเตอร์ดัมเมื่อในอดีตก่อน จนในปี 1600 ได้ถูกทำลายและถูกปรับเปลี่ยนเป็นบ้านและกลายเป็นร้านอาหารในปัจจุบัน อาหารที่ขึ้นชื่อได้แก่พวกซุป แซนด์วิช สลัด และสเต๊ก
Best Bakery (ร้านเบเกอรี่ที่ดีที่สุด)
De Bakkerswinkel เป็นร้านเบเกอรี่ที่มีหลายสาขา แต่สาขาที่ดังที่สุดตั้งอยู่บริเวณย่าน Red Light District ใกล้กับสถานีรถไฟใจกลางเมืองอัมสเตอร์ดัม ซึ่งจัดร้านในบรรยากาศเป็นร้านน้ำชาเล็กๆ น่ารักๆ ร้าน De Bakkerswinkel นี้มีขนมปังสโคน น้ำชา และแซนด์วิชที่ขึ้นชื่อมาก นอกจากนี้ยังสามารถสั่งกลับไปทานที่บ้านและในร้านก็ยังมีแยมชนิดโฮมเมดขายอีกด้วย
++++
7 เรื่อง(ต้อง)รู้ไว้ ก่อนไป อิตาลี
1. ที่ประเทศอิตาลีมีร้านอาหารต่างชาติน้อยมาก ยกเว้น 'เคบับ' ซึ่งเป็นอาหารตุรกีที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปในยุโรป
2. ที่ประเทศอิตาลี มีคนที่พูดภาษาอังกฤษได้น้อยมากๆ แม้กระทั่งนายท่ารถไฟ พนักงานขายตั๋ว พนักงานขายเสื้อผ้า ส่วนมากก็สื่อสารภาษาอังกฤษแทบไม่ได้เลย
3. ร้านอาหารและร้านค้าต่างๆ ในยุโรปมักปิดตอนกลางวันกันประมาณ 1-2 ชั่วโมง แต่ที่อิตาลีจะปิดกันตั้งแต่ประมาณเที่ยงจนถึงประมาณเกือบสี่โมงเย็นเลยที เดียว จากนั้นจึงจะเปิดอีกทีในช่วงเย็นๆ
4. ที่ประเทศอิตาลี ในร้านหรือบาร์กาแฟบางที่ เรามักจะพบคนยืนดื่มกาแฟกันแทนที่จะนั่ง สาเหตุก็เพราะว่าร้านหรือบาร์กาแฟเหล่านั้นคิดค่าที่นั่งด้วย ราคาก็อยู่ที่ 1-3 ยูโร ดังนั้นคนจึงนิยมยืนดื่มกาแฟกันมากกว่า
5. คนอิตาเลียนมักจะภูมิใจในถิ่นฐานของตัวเองมาก (หมายถึงเมืองหรือภูมิภาค) ดังนั้นถ้าเราไปถามว่ามาจากไหน คนอิตาเลียนส่วนมากจะไม่ค่อยบอกว่ามาจากอิตาลี แต่จะบอกชื่อเมืองก่อน เช่น โรม เวนิซ ฟลอเรนซ์ ปอมเปอี เป็นต้น
6. ที่ประเทศอิตาลี ไม่มีร้านกาแฟยี่ห้อ starbuck เพราะคนอิตาเลียนนิยมดื่มกาแฟแบบเข้มๆ แบบเพียวๆ ที่ต้มดื่มกันเอง รวมถึงปกติแล้วคนอิตาเลียนยังนิยมร้านกาแฟแบรนด์ของอิตาลีเองอีกด้วย
7. และข้อสุดท้าย ผู้ชายอิตาลีหล่อติดอันดับโลก เพราะผู้ชายอิตาลีส่วนมากนั้น หน้าตาจะเป็นโทนฝรั่งผสมแขกขาวนั่นเอง แถมบางคนผมยังเป็นลอนอีกนิดหน่อย อู้ววว หล่อจริงๆ ฮ่าๆๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น