วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เรื่องจริง ชายผู้มี 24 บุคลิก

Billy Milligan (1955 ~ )
หรือ
William Stanley Milligan


คำว่า"คนหลายบุคลิก"คงจะเป็นที่คุ้นหูกันดีเพราะถือเป็นมุขหนึ่งที่ทั้งการ์ตูน นิยายและหนังชอบนำมาใช้เป็นมุขคลาสสิคแต่ในความจริงแล้ว ผู้ป่วยด้วยโรคMPD* ที่ว่านี้ยังไม่ถูกยอมรับอย่างเป็นทางการโดยเฉพาะในแง่ศาลเท่าใดนัก เนื่องจากส่วนมากของผู้ป่วยมักจะมีสาเหตุจากการแสร้งทำเสียมากกว่า ในจำนวนนั้น บิลลี่ มิลลิแกนเป็นผู้ป่วยที่ได้รับการรับรองว่าป่วยเป็นโรคนี้จริงและยังได้รับการละเว้นโทษเนื่องจากอาการป่วยนี้อีกด้วย

* Dissociative Identity Disorder หรือ DIDอาการป่วยทางจิตเนื่องจากการประสบกับการทารุณ(โดยมากเป็นการทารุณทางเพศ) และเพื่อต้องการหนีจากความเจ็บปวดที่เกิดกับจิตใจ ผู้ป่วยจึงเกิดการแบ่งแยกบุคลิกและสูญเสียความเป็นหนึ่งเดียวในแง่อุปนิสัย โรคหลายบุคลิกเป็นส่วนหนึ่งของโรคนี้ (ไม่ใช่ผู้ป่วยทุกคนที่จะมีอาการนี้) โดยทั่วไปโรคนี้มักจะรู้จักกันในชื่อว่า Multiple Personality Disorder หรือMPD
Imaginary Freind มีลักษณะคล้ายอาการนี้ก็จริง แต่เนื่องจากเพื่อนในจินตนาการเหล่านั้นจะหายไปเมื่อเด็กโตขึ้น จึงไม่นับอยู่ในอาการป่วยนี้ด้วย
(ข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ค่ะ หากมีตรงไหนผิดไปก็ต้องขออภัยด้วย และอยากรบกวนผู้มีความรู้ช่วยอธิบายไว้เพื่อประโยชน์ในอนาคต(?)ด้วยค่ะ)

ในช่วงปี 1970 รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา บิลลี่ มิลลิแกนถูกจับในข้อหาปล้นและข่มขืนผู้หญิง 3 คนในเขตแคมปัสของมหาวิทยาลัยประจำรัฐโอไฮโอ ระหว่างการเตรียมคดีก่อนเข้าสู่ชั้นศาลนั้นเอง บิลลี่ได้บอกกับจูดี้ สตีเวนสันซึ่งเป็นทนายของเขาว่า ตัวเขาไม่ใช่บิลลี่ และบิลลี่กำลังหลับอยู่ จูดี้ซึ่งข้องใจว่าเขาจะเป็นผู้มีอาการป่วยทางจิตจึงได้เรียกจิตแพทย์มาเพื่อทำการทดสอบสภาพทางจิตใจของบิลลี่ การตรวจพบว่าเขาป่วยเป็นโรคหลายบุคลิก และมีบุคลิกที่แตกต่างกันถึง 23 คนอยู่ในตัวเขา

- วิลเลี่ยม สแตนเลย์ มิลลิแกน (บิลลี่) 26 ปีบุคลิกหลักหรือบุคลิกเดิม
- อาเธอร์ 22 ปี คนอังกฤษ (พูดด้วยสำเนียงอังกฤษ) ใส่แว่นเจ้าเหตุผล ใจเย็น เวลาพูดจะประสานมือไว้ข้างหน้า พูดและเขียนภาษาอารเบียได้ เป็นผู้มีสิทธิ์ในการจัดการว่าใครจะเป็นคนออกมายัง"ข้างหน้า"ได้ เป็นคนมีอำนาจสูงสุดเหนือบุคลิกอื่นในยามปกติ
- เลย์เกน วาดาสโก้วินิจ 23 ปี คนยูโกสลาเวีย (พูดอังกฤษแปร่งแบบคนสลาฟว์) เก่งการใช้ปืนและคาราเต้ มีหน้าที่ปกป้องบุคลิกอื่นเช่นผู้หญิงและเด็กเป็นคนมีอำนาจเหนือบุคลิกอื่นในที่อันตราย
- อเลน 18 ปี พูดโน้มน้าวคนอื่นเก่ง มักเป็นคนเจรจากับคนภายนอก ชอบวาดรูปคนและเป็นคนเดียวใน 23 คนที่สูบบุหรี่
- ทอมมี่ 16 ปี เก่งเรื่องการถอดเชือก ชอบทะเลาะวิวาท มักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเลย์เกน ชอบเครื่องไฟฟ้า วาดรูปวิว
- ดานี่ 14 ปี ขี้กลัว ชอบวาดรูปนิ่ง
- เดวิด 8 ปี เข้าใจความเจ็บปวดของผู้อื่น
- คริสตีน 3 ปี เด็กผู้หญิงชาวอังกฤษ วาดรูปผีเสื้อกับดอกไม้ ชอบระบายสี
- คริสโตเฟอร์13 ปี พี่ชายของคริสตีน พูดสำเนียงคอกนี่ นิสัยเชื่อฟังว่าง่าย เป่าฮาโมนิก้า
- อดาลาน่า19 ปี เลสเบี้ยน ขี้อาย ชอบอยู่คนเดียว เขียนกลอน ทำอาหารและงานบ้านแทนคนอื่น

13 คนนอกจากข้างต้นถูกตัดสินว่า"ไม่ดีนัก"และอาเธอร์เป็นผู้ดูแลอยู่

- ฟิลิบ 20 ปี พูดสำเนียงบลูคลิน ก้าวร้าว ก่อคดีโทษสถานเบา
- เควิน 20 ปี วางแผนจะปล้นร้านขายยา
- วอลเตอร์ 22 ปี คนออสเตรเลีย จำทางเก่ง
- เอพริล 19 ปี สาวใจแตก พูดสำเนียงบอสตัน วางแผนจะฆ่าพ่อเลี้ยงของบิลลี่ เย็บผ้าและช่วยงานบ้าน
- ซามิวเอล 18 ปี คนยิว ชอบแกะสลัก
- มาร์ค 16 ปี ตัดสินใจเองไม่เป็น ขยัน แต่ถ้าคนอื่นไม่สั่งก็ไม่ทำ
- สตีวฟ์ 21 ปี หาเรื่องคนอื่นตลอดเวลา ชอบพูดเลียนแบบคนอื่น
- ลี 20 ปี พูดตลก
- เจย์สัน 13 ปี ฮิสเทเรีย เป็นคนรับเอาความทรงจำที่ไม่ดีของทุกคนไว้
- โรเบิร์ต (บ๊อบบี้) 17 ปี ช่างฝัน
- ฌอน 4 ปี หูไม่ดี สมาธิสั้น
- มาร์ติน 19 ปี ขี้อวด
- ทิโมที (ทิมมี่) 15 ปี เคยทำงานที่ร้านดอกไม้แล้วโดนเกย์มาจีบ เจ้าตัวกลัวจนไม่ยอมออกมาอีก


บิลลี่ซึ่งเป็นบุคลิกเดิมนั้นเสียพ่อซึ่งฆ่าตัวตายไปตั้งแต่ยังเด็ก หลังจากนั้นก็ถูกพ่อเลี้ยงทารุณด้วยการจับมัดแขวนบ่อยๆซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดบุคลิกต่างๆขึ้นมา บิลลี่ซึ่งไม่รู้ตัวเองว่ามีหลายบุคลิกสับสนกับเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นโดยที่ตัวเองไม่รู้เรื่องด้วย เขาเคยตัดสินใจกระโดดตึกฆ่าตัวตาย แต่เลย์เกนก็ห้ามเอาไว้

เนื่องจากมีการเปลี่ยนบุลลิกบ่อยครั้ง บิลลี่จึงไม่มีงานทำพอที่จะมีรายได้แน่นอน วันหนึ่ง เลย์เกนออกมา"ข้างนอก"และพบกับใบแจ้งหนี้จำนวนมาก ขณะที่เขากำลังเดินกลุ้มใจอยู่ในแคมปัสก็พบกับนักเรียนหญิงคนอื่นจึงก่อคดีปล้นและถูกตำรวจจับในภายหลัง

แต่ละบุคลิกของบิลลี่ต่างก็พูดด้วยสำเนียงที่แตกต่างกัน และยังมีลักษณะท่าทีของแต่ละคนที่แพทย์ลงความเห็นว่าไม่ใช่การแสดงอีกด้วย บิลลี่ (อาเธอร์และเลย์เกน) เล่าว่า"ข้างใน"ของพวกเขาจะมีคนหลายคนยืนล้อมสปอตไลท์อยู่ อาเธอร์หรือเลย์เกนเป็นคนตัดสินว่าใครจะเข้าไปอยู่ในสปอตไลท์และออกมา"ข้างนอก" ส่วนบิลลี่ซึ่งเป็นบุคลิกหลักนั้น ทุกคนเกรงว่าเขาจะฆ่าตัวตายจึงถูกทำให้หลับอยู่

บิลลี่ได้รับการเยียวยาเป็นเวลาหลายปีจนหายในระดับหนึ่ง หากการหย่าร้างและการโจมตีจากสื่อ (เขาถูกตัดสินให้ไม่มีความผิดในคดีที่ถูกจับ) ทำให้โรคนี้อาการหนักขึ้นอีก หลังจากนั้นมีการแบ่งตัวและรวมตัวของบุคลิกต่างๆอีกหลายครั้ง จนในที่สุดก็กลายเป็นบุคลิกที่ 24 "ศาสตราจารย์" ซึ่งจิตแพทย์กล่าวว่าเป็นบุคลิกที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
ปัจจุบัน บิลลี่เปลี่ยนชื่อและทำงานเป็นผู้กำกับหนังที่แคลิฟอร์เนีย The Crowded Room ซึ่งเป็นประวัติชีวิตของเขาเองมีกำหนดจะออกฉายที่อเมริกาในปี 2008 และจนทุกวันนี้เขาก็ยังคงประกาศตัวว่าตนเป็นผู้มีหลายบุคลิก

ดานิเอล คียส์ ได้สัมภาษณ์และเขียนหนังสือเกี่ยวกับชีวิตของบิลลี่ มิลลิแกนไว้ด้วยค่ะ คนที่สนใจ ลองหาอ่านดูได้ เล่มต่อออกวางขายในญี่ปุ่นแล้ว ส่วนในอเมริกามีกำหนดการจะวางขายพร้อมๆกับที่หนังเข้าโรง


วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2554

มาตรวจสุขภาพการนอนกันเถอะ



การนอนหลับสนิทและเต็มที่นั้น เป็นสิ่งที่วิเศษสุดอย่างหนึ่งในการฟื้นฟู และซ่อมแซมร่างกายของมนุษย์ แต่ถ้าคุณหรือคนรอบข้างไม่สามารถนอนหลับเช่นนั้นได้ เรามีเครื่องมือในการตรวจค้นหาสาเหตุและแก้ไขได้

การตรวจสุขภาพการนอนหลับ หรือที่เรียกว่า Sleep test เป็นการตรวจวิเคราะห์การทำงานระบบต่างๆ ของร่างกายขณะนอนหลับ เช่น ระบบการหายใจ ระดับออกซิเจนในเลือด การทำงานของคลื่นไฟฟ้าสมอง คลื่นไฟฟ้าหัวใจ และกล้ามเนื้อ รวมถึงศึกษาพฤติกรรมบางอย่างที่เกิดขึ้นขณะหลับ

ประโยชน์ของการตรวจนี้ เพื่อใช้วินิจฉัยและประเมินระดับความรุนแรงของโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น การกระตุกของกล้ามเนื้อต่างๆ และพฤติกรรมที่ผิดปกติขณะหลับ รวมถึงช่วยในการวินิจฉัยโรคความผิดปกติอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการนอนหลับ ตลอดจนใช้พิจารณาเลือกวิธีการผ่าตัดทางเดินหายใจและติดตามผลการรักษา

สำหรับผู้ที่ควรเข้ารับการตรวจ Sleep test ได้แก่ ผู้ที่ภาวะนอนกรนดังผิดปกติ หรือมีอาการง่วงนอนกลางวันมากผิดปกติ ทั้งๆ ที่ได้นอนอย่างเพียงพอแล้ว ผู้ที่มีอาการหายใจลำบาก และสงสัยว่า จะมีการหยุดหายใจขณะหลับ หรือผู้ที่มีพฤติกรรมการนอนผิดปกติอื่นๆ เช่น นอนแขนขากระตุก นอนกัดฟัน หรือนอนละเมอ ฝันร้าย สะดุ้งตื่นเป็นประจำ เป็นต้น โดยผู้รับการตรวจควรพบแพทย์เฉพาะทางด้านโรคการนอนหลับโดยตรง หรือแพทย์หู คอ จมูก อายุรแพทย์ หรือกุมารแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านนี้ เพื่อสอบถามประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียดก่อนและหลังการตรวจ ซึ่งจะมีผลต่อการวางแผนและการตัดสินใจเลือกในการรักษา

การตรวจ sleep test สำหรับภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ แบ่งได้เป็น 4 ระดับดังนี้

ระดับที่ 1 การตรวจสุขภาพการนอนแบบสมบูรณ์ โดยมีเจ้าหน้าที่เฝ้าตลอดคืนเพื่อวัดคลื่นไฟฟ้าสมอง คลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ ลูกตา ใต้คาง และขา คลื่นไฟฟ้าหัวใจ การตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือด การตรวจวัดลมหายใจเป็นอย่างน้อย โดยอาจทำภายในห้องตรวจเฉพาะของสถานพยาบาลหรือนอกสถานที่

ระดับที่ 2 การตรวจสุขภาพการนอนแบบสมบูรณ์ แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าตลอดทั้งคืน อาจตรวจในห้องนอนตามบ้าน ระดับนี้มีความน่าเชื่อถือใกล้เคียงกับการตรวจระดับ 1 แต่ค่าใช้จ่ายถูกกว่าจึงเหมาะสำหรับผู้ที่เคลื่อนไหวและเดินทางไม่สะดวก หรือผู้ที่มีอาการมาก ต้องการรักษาอย่างเร่งด่วน

ส่วนระดับที่ 3 และ 4 เป็นการตรวจสุขภาพเพียงบางรายการ ซึ่งอาจมีผลคลาดเคลื่อนในการวินิจฉัย จึงมักไม่ได้รับความนิยม

การตรวจจะเริ่มตั้งแต่เวลา 19.00-06.00 น.ทั้งนี้ ตามความเหมาะสมของผู้ตรวจแต่ละราย ก่อนเริ่มการตรวจ เจ้าหน้าที่จะสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการนอน รวมทั้งยารักษาโรคประจำตัว หรืออาจให้กรอกแบบสอบถาม และเอกสารการยินยอมของผู้รับการตรวจ หลังจากนั้นจะอธิบายลักษณะเกี่ยวกับอุปกรณ์ และการปฏิบัติตัวต่างๆ ระหว่างการตรวจ โดยผู้รับการตรวจควรสวมเสื้อผ้าชุดนอนหลวมๆ ทำจิตใจให้สบาย และควรหลีกเลี่ยงการดื่ม กาแฟ ชา เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์เป็นส่วนผสม หรือการออกกำลังกายอย่างหนัก

ขอบคุณบทความดีดีจาก สสส.

วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เตือนเล่น"ไอแพด ไอโฟน แบล๊คเบอร์รี่"เพียงเครื่องเดียว สามารถทำให้เครื่องบินตกได้

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ว่า จากการศึกษาลับของสมาคมการขนส่งทางอากาศนานาชาติพบว่า การใช้อุปกรณ์มือถือเพียงเครื่องเดียวบนเครื่องบิน สามารถทำให้เครื่องบินประสบเหตุตกได้ เพราะอุปกรณ์ดังกล่าวจะขัดขวางระบบสื่อสารและการควบคุมของเครื่องบิน

โดยการศึกษาของกลุ่มซึ่งเป็นตัวแทนของเครื่องบินโดยสารกว่า 230 ลำ และเครื่องบินบรรทุกสินค้า ทั่วโลก พบว่า ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา ได้พบเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดความวิตก 75 ครั้ง จำนวนนี้ 35 ครั้ง มาจากอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ โดยกลุ่มได้เรียกร้องให้ผู้โดยสารได้เลิกเมินคำเตือนเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์มือถือเพราะสามารถก่อให้เกิดเหตุการณ์เครื่องบินตกได้ โดยการศึกษาพบว่า อุปกรณ์อันดับหนึ่งของคุกคามต่อระบบสื่อสารของเครื่องบิน ได้แก่ ไอแพด ตามด้วยไอโฟน และแบล๊คเบอร์รี่

รายงานระบุว่า คำเตือนดังกล่าวได้ออกมาเนื่องจากเจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยเครื่องบินสงสัยว่า คลื่นวิทยุของโทรศัพท์มือถือสามารถขัดขวางระบบไฟฟ้าของเครื่องบินได้ ขณะที่สื่อบางแห่งระบุว่า ในจำนวนเหตุการณ์การสื่อสารขัดข้อง 75 ครั้ง จำนวนนี้ 26 ครั้ง ส่งผลกระทบต่อศูนย์ควบคุมการบิน รวมทั้งนักบิน และระบบลงจอดเครื่อง ขณะที่ 7 เหตุการณ์กระทบต่อระบบนำวิถีเครื่องบิน อีก 15 เหตุการณ์ ก่อปัญหาต่อระบบการสื่อสาร และ 13 เหตุการณ์ ก่อปัญหาต่อระบบการเตือนทางอีเล็คทรอนิคส์ รวมทั้งคำเตือนต่อเครื่องยนต์ด้วย


ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน