วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2553

A blind boy เด็กตาบอด




เด็กตาบอดคนหนึ่งนั่งที่ขั้นบันไดของตึกโดยมีหมวกวางหงาย ไว้ข้างๆ
มีป้ายเขียนไว่ข้างตัวว่าผมตาบอด กรุณาช่วยด้วย
มี เหรียญเพียงสองสามอันในหมวก





ชายคนหนึ่งเดินผ่านมา เขาหยิบเงินสองสามเหรียญจากกระเป๋าแล้วหย่อนลงในหมวก เขาหยิบป้ายข้างเด็กตาบอดมาเขียนที่ด้านหลัง แล้ววางลงที่เดิมเพื่อ ให้คนเดินผ่านได้เห็นข้อความใหม่บนป้าย

ใน ไม่ช้า...หมวกก็เต็ม ผู้คนมากมายให้เงินแก่เด็กตาบอด บ่ายวันนั้นชายที่เขียนป้ายให้ใหม่กลับมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เด็กชายจำเสียงฝีเท้าเขาได้ก็ถามขึ้นว่า
คุณใช่คนที่เขียนป้ายให้ผมใหม่เมื่อเช้าใช่ไหมครับ
คุณ เขียนว่าอะไรครับ


ชาย คนนั้นพูดว่าฉันแค่เขียนความจริง ฉันเขียนสิ่งที่เธอพูดแต่เขียนด้วยคำพูดที่แตกต่าง

ฉัน เขียนว่า วันนี้ ช่างเป็นวันที่สวยงาม แต่ผมไม่สามารถชื่นชมมันได้

ทั้ง สองข้อความบอกกล่าวผู้คนว่าเด็กชายนั้นตาบอด ทว่าข้อความแรกเพียงบอกธรรมดาว่าเด็กชายตาบอด ในขณะที่ข้อความหลังบอกผู้คนว่าพวกเขาช่างโชคดีเหลือเกินที่ตาไม่บอด แปลกใจไหมที่ข้อความหลังให้ผลดีกว่า



ข้อสอนใจจากเรื่องนี้

จงขอบคุณใน สิ่งที่คุณมี ขอให้มีความคิดสร้างสรรค์ ปฏิรูปจิตใจของคุณ และคิดแตกต่างในแง่บวก

ยามเมื่อชีวิตมีเหตุผล เป็นร้อยให้คุณอยากร้องไห้ จงทำให้ชีวิตดูว่ามีเหตุผลเป็นพันให้คุณยิ้มได้ เผชิญหน้ากับอดีตโดยไม่สลดใจ จัดการกับปัจจุบันอย่างมั่นใจ เตรียมการเพื่ออนาคตโดยไม่หวาดกลัว มีศรัทธาและโยนความหวาดหวั่นทิ้งไป

สิ่ง ที่งดงามที่สุดคือการได้เห็นคนยิ้มแย้ม และยิ่งงดงามกว่านั้น ที่ได้รู้ว่าเราเป็นผู้อยู่เบื้องหลังรอยยิ้มนั้น ขอเป็นกำลังใจให้น่ะคะ



บท ความจาก@cloud

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น