วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2553

10 เรื่องที่คุณอาจเข้าใจผิดกับยุโรป

1. เมืองหลวงของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ คือ "ซูริค" ----- ผิด !!!!!!!!

เด็กดีดอทคอม :: 10 เรื่อง(ง่ายๆ) ที่คุณเข้าใจผิดเกี่ยวกับ "ยุโรป"


สาเหตุที่ทำให้คนส่วนมากคิดว่าเมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์คือซูริคก็เพราะ ว่า สนามบินนานาชาติของสวิตเซอร์แลนด์ดันตั้งอยู่ที่เมืองซูริคซะอย่างงั้น !!! ไม่หมดแค่นั้น เพราะซูริคนับได้ว่าเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญ
ของสวิตเซอร์แลนด์ แต่จะมีซักกี่คนที่รู้ว่า เมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์จริงๆ แล้วคือ "เบิร์น" ถ้าพูดกันตามตรง เมืองเบิร์นนั้นไม่ค่อยมีอะไรที่น่าสนใจมากนัก ยกเว้น "บ่อหมี" ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองนั่นเอง


2. การเดินทางที่ถูกที่สุดในยุโรปคือ "รถไฟ" ----- ผิด !!!!!!!!


เด็กดีดอทคอม :: 10 เรื่อง(ง่ายๆ) ที่คุณเข้าใจผิดเกี่ยวกับ "ยุโรป"

การเดินทางด้วยรถไฟในยุโรปนั้น เป็นอะไรที่สะดวกม๊ากมากกก เพราะทุกประเทศมีรางรถไฟเชื่อมต่อถึงกัน แต่ถึงจะสะดวกแค่ไหน แต่ค่ารถไฟก็ไม่ได้จะสะดวกด้วยเลย เพราะค่ารถไฟในยุโรปนั้นแพงมากๆ ยกตัวอย่างเช่น เดินทางจากเมืองแฮมบรูก (อยู่ทางเหนือของเยอรมัน) ไปยังเมืองมิวนิค (อยู่ทางใต้ของเยอรมัน) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมงครึ่ง แต่ค่ารถไฟล่อไปประมาณ 6-7 พัน บาทต่อเที่ยว ! แพงแบบนี้ ขอเดินไปดีกว่า - -" ดังนั้นในการเดินทางไปเมืองไกลๆ หรือข้ามประเทศ คนยุโรปบางส่วนจะนิยมใช้สายการบิน LowCost ค่ะ ยิ่งจองล่วงหน้านานๆ ยิ่งถูก


3. จะเดินทางเข้า "อังกฤษ" สามารถใช้วีซ่าเชงเก้นได้ ----- ผิด !!!!!!!!

เด็กดีดอทคอม :: 10 เรื่อง(ง่ายๆ) ที่คุณเข้าใจผิดเกี่ยวกับ "ยุโรป"

ก่อนอื่นต้องขออธิบายเกี่ยวกับวีซ่าเชงเก้นก่อน พูดง่ายๆ ก็คือ หากน้องๆ มีวีซ่าเชงเก้น เราจะสามารถเดินทางเข้าออกในประเทศยุโรปที่เป็นสมาชิกในกลุ่มเชงเก้นได้ เช่น เดนมาร์ค เนเธอร์แลนด์ เยอรมัน สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรีย อิตาลี ฝรั่งเศส สเปน และอื่นๆ รวมแล้ว 20 กว่าประเทศ



แต่ว่า "สหราชอาณาจักร" ซึ่งรวมถึงไอร์แลนด์เหนือ เวลส์ สก๊อตแลนด์ และอังกฤษ ไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกในเชงเก้น ดังนั้นหากใครต้องการไปเที่ยวอังกฤษ จะต้องทำวีซ่าอังกฤษแยก ใช้วีซ่าเชงเก้นไม่ได้ ยกตัวอย่าง ถ้ามีแพลนจะไปเที่ยวเยอรมัน ฝรั่งเศส และอังกฤษ น้องๆ จะต้องทำวีซ่าเชงเก้นเพื่อเข้าเยอรมันและฝรั่งเศส (ขอวีซ่าจากสถานทูตเยอรมันหรือฝรั่งเศสก็ได้) และต้องทำวีซ่าอังกฤษเพื่อเข้าอังกฤษด้วย

4. พระอาทิตย์เที่ยงคืน มีที่ "นอร์เวย์" เท่านั้น ----- ผิด !!!!!!!!

เด็กดีดอทคอม :: 10 เรื่อง(ง่ายๆ) ที่คุณเข้าใจผิดเกี่ยวกับ "ยุโรป"

ในหน้าร้อนของยุโรป ช่วงกลางวันจะกินเวลานาน ส่วนกลางคืนจะกินเวลาสั้นมากๆ โดยทั่วไปเนี่ย ตี 4 ฟ้าก็สว่างจ้าแล้ว กว่าจะมืดอีกทีก็โน่นนนน 4-5 ทุ่มกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะประเทศในยุโรปตอนเหนือ เช่น


เดนมาร์ค สวีเดน ก็มีโอกาสเห็นพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้ไม่แพ้นอร์เวย์เลยล่ะค่ะ ดังนั้นคนในยุโรปจะค่อนข้างเฉยกับพระอาทิตย์เที่ยงคืนมากๆ เพราะอยู่ที่ไหนก็เห็นได้เหมือนกัน ไม่ต้องไปถึงนอร์เวย์หรอก




5. "ออสเตรีย" กับ "ออสเตรเลีย" ประเทศเดียวกันใช่มั้ย ----- ผิด !!!!!!!!

เด็กดีดอทคอม :: 10 เรื่อง(ง่ายๆ) ที่คุณเข้าใจผิดเกี่ยวกับ "ยุโรป"

เป็นอีกหนึ่งความสับสนที่น่างงงวยมากๆ บางคนรู้ว่าทั้ง 2 ประเทศเป็นคนละที่ แต่บางทีก็สับสนและเขียนผิด เช่น "เมื่อเดือนก่อน ฉันไปเที่ยวออสเตรเลียที่อยู่ในยุโรปมา" ...... อ้าว งงไปใหญ่ ตกลงไปไหนมากันแน่ ???



ดังนั้นเวลาที่เราต้องติดต่อหรือสื่อสารอะไรก็ตามแต่ ที่มีโอกาสก้ำกึ่งระหว่าง 2 ประเทศนี้ กรุณาระบุให้ชัดๆ ด้วยนะคะว่าหมายถึงประเทศไหนกันแน่ เพราะเคยเกิดเรื่องมาแล้ว คือมีน้องคนหนึ่งไปติดต่อเอเจนซี่เรียนต่อเมืองนอก บอกกับเอเจนซี่ว่า หนูอยากไปเรียนต่อออสเตรียค่ะ ช่วยส่งข้อมูลมาให้หน่อย แต่เอเจนซี่ดันคิดว่าน้องคนนั้นหมายถึงออสเตรเลีย เพราะไม่ค่อยมีเด็กไทยไปเรียนต่อที่ออสเตรีย สรุปว่า เอเจนซี่เลยส่งข้อมูลเรียนต่อออสเตรเลียมาให้ซะอย่างนั้น -*-




6. ไปยุโรป "พูดภาษาอังกฤษ" ก็ได้ ประเทศเค้าพัฒนาแล้ว ----- ผิด !!!!!!!!

เด็กดีดอทคอม :: 10 เรื่อง(ง่ายๆ) ที่คุณเข้าใจผิดเกี่ยวกับ "ยุโรป"

จริงอยู่ที่ว่าประเทศในยุโรป(ส่วนมาก) เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนยุโรปจะพูดภาษาอังกฤษกันคล่องปรื๋อนะคะ เพราะมีคนจำนวนมากที่ "พูดไม่ได้เลย" ต้องย้ำเลยว่าพูดไม่ได้เลย ยกตัวอย่างเช่นคนฝรั่งเศสเนี่ย บางทีเราเห็นเค้าดูหยิ่งๆ ไม่ยิ้มให้เรา แต่จริงๆ ไม่ใช่ว่าเค้าหยิ่งหรอกค่ะ แต่เป็นเพราะว่าเค้าพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้นั่นเอง (กลัวเราจะเข้าไปถามทาง เลยทำหน้าบึ้งสกัดไว้ก่อน 555)


7. "โปแลนด์" กับ "โปรตุเกส" ประเทศเดียวกันรึเปล่า ----- ผิด !!!!!!!!

เด็กดีดอทคอม :: 10 เรื่อง(ง่ายๆ) ที่คุณเข้าใจผิดเกี่ยวกับ "ยุโรป"


อันนี้เป็นอะไรที่เส้นผมบังภูเขามากๆ ค่ะ เป็นประสบการณ์ตรงของ พี่เป้ เลย คือแต่ก่อนจะชอบจำ 2 ประเทศนี้สลับกันบ่อยๆ จนละเมอท่องไปว่า เมืองหลวงของโปแลนด์คือลิสบอนซะอย่างนั้น - -" เพราะชื่อประเทศมันคล้ายๆ กัน (โปรๆ เหมือนกัน) เลยอยากจะฝากน้องๆ ให้จำให้แม่นๆ เลยนะคะว่า โปรตุเกสอยู่ติดสเปน มีเมืองหลวงชื่อ "ลิสบอน" ส่วนโปแลนด์อยู่ติดเยอรมัน มีเมืองหลวงชื่อ "วอร์ซอร์"

8. คนสวิสพูด "ภาษาสวิส" ----- ผิด !!!!!!!!

เด็กดีดอทคอม :: 10 เรื่อง(ง่ายๆ) ที่คุณเข้าใจผิดเกี่ยวกับ "ยุโรป"

คนสวิสไม่ได้พูดภาษาสวิสนะคะ เพราะภาษาสวิสไม่มีในโลก 5555 สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่ไม่มีภาษาเป็นของตนเอง ดังนั้นคนสวิสส่วนมากกว่า 73% จะพูดภาษาเยอรมัน อีกส่วนหนึ่ง 21% ที่อาศัยอยู่แถบตะวันตกของประเทศ เช่น เจนีวา 21% จะพูดภาษาฝรั่งเศส และอีกส่วนหนึ่ง 6% ที่อาศัยอยู่แถบใต้ของประเทศ เช่น ลูกาโน จะพูดภาษาอิตาเลียนค่ะ


9. "โมร็อคโค" กับ "โมนาโค" นี่ก็เป็นประเทศเดียวกันอีกใช่มั้ย ----- ผิด !!!!!!!!

เด็กดีดอทคอม :: 10 เรื่อง(ง่ายๆ) ที่คุณเข้าใจผิดเกี่ยวกับ "ยุโรป"

ความสับสนระหว่าง 2 ประเทศนี้ก็มาจากชื่อประเทศอีกแล้วค่ะ ขออธิบายคร่าวๆ ละกันนะคะ เริ่มที่ "โมร็อคโค" เป็นประเทศในทวีปแอฟริกาที่ไม่ค่อยจะเหมือนแอฟริกาซักเท่าไรนัก (เพราะถ้าพูดถึงทวีปแอฟริกา เราก็มักจะนึกถึงเอธิโอเปีย ซิมบับเว ไนจีเรียอะไรเทือกนั้น) แต่โมร็อคโคค่อนข้างเจริญกว่านั้นเยอะ นอกจากนี้ด้วยที่ตั้งของโมร็อคโคซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา ทำให้เราสามารถเดินทางจากโมร็อคโคไปยังเมือง Algeciras ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ทางตอนใต้ของสเปนด้วยเรือ ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น !!



ส่วน "โมนาโค" เป็นประเทศเล็กๆ ในทวีปยุโรป อยู่ติดกับฝรั่งเศส มีประชากรเพียง 3 หมื่นกว่าคน ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองตากอากาศและคาสิโนที่มีชื่อเสียง

10. "เยอรมัน" กับ "เนเธอร์แลนด์" ประเทศอยู่ติดกัน จึงน่าจะสนิทชิดเชื้อกัน ----- ผิด !!!!!!!!

เด็กดีดอทคอม :: 10 เรื่อง(ง่ายๆ) ที่คุณเข้าใจผิดเกี่ยวกับ "ยุโรป"


ประเด็นนี้ค่อนข้างเป็นเรื่องที่อ่อนไหวมากๆ สืบเนื่องมาจากสมัยสงครามโลกที่เยอรมันเคยไปบอมบ์ใส่เนเธอร์แลนด์ไว้หลายจุด ทำให้คนดัตช์(เนเธอร์แลนด์) โดยเฉพาะคนแก่ๆ ที่เกิดทันยุคสงครามโลก ไม่ค่อยถูกกับคนเยอรมันนัก ถึงกับว่ากันว่า ถ้าเยอรมันแข่งฟุตบอลกับประเทศอะไร คนดัตช์ส่วนมากก็จะพร้อมใจเชียร์อีกทีมกันเลยทีเดียว ดังนั้นหากน้องๆ มีโอกาสได้พูดคุยกับคนดัตช์หรือคนเยอรมัน พยายามหลีกเลี่ยงการคุยเรื่องของอีกประเทศด้วยก็จะดีมากเลยค่ะ แต่ยังไงก็ตาม ถ้าเป็นคนสมัยใหม่ เค้าก็ไม่ค่อยจะใส่ใจเรื่องนี้กันเท่าไหร่แล้วค่ะ เก็บไว้เป็นเพียงอดีต ~

วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

เรายิ้มรับความเศร้าได้



แม้ชีวิตจะลำเค็ญ แม้ว่าบางครั้งจะยิ้มได้ยาก
แต่เราต้องพยายาม...
อย่างเช่นเวลาเอ่ยทักทายให้พรกันว่า


"อรุณสวัสดิ์" ก็ต้องเป็น "อรุณสวัสดิ์" อย่างแท้จริง

ไม่นานมานี้มีเพื่อนคนหนึ่งถามฉันว่า
"ดิฉันจะเคี่ยวเข็ญให้ตัวเองยิ้มได้อย่างไร
ในขณะที่โศกเศร้า มันไม่เป็นธรรมชาติเลย"


ฉันตอบว่า
เธอต้องยิ้มรับความเศร้าให้ได้
เพราะเราเป็นมากกว่าความโศกเศร้า


มนุษย์คนหนึ่งเปรียบเสมือนเครื่องรับโทรทัศน์ที่มีนับล้านๆช่อง
เมื่อเปิดไปช่องพุทธะเราก็เป็นพุทธะ
หากเปิดไปช่องโศกเศร้า เราก็เป็นความโศกเศร้า


ครั้นเมื่อเปิดไปช่องยิ้ม
เราก็กลายเป็นความยิ้มแย้มได้จริงๆ
หาควรปล่อยให้ช่องใดช่องหนึ่งมีอิทธิพลครอบงำไม่


เรามีเมล็ดพันธุ์ที่จะเป็นได้ทุกอย่างอยู่ภายใน
เราต้องยึดกุมสถานการณ์ไว้ในกำมือให้ได้
เพื่อฟื้นอำนาจในตัวเราเองกลับคืนมา


ที่มา
fwm


วันเสาร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2553

10 เรื่องที่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์


อันดับ10 : Optical เม้าส์เสีย
เรื่อง นี้เกิดขึ้นบ่อย สำหรับผู้ใช้งาน Optical เม้าส์ ซึ่งเป็นเม้าส์ที่ใช้แสงเลเซอร์ในการตรวจสอบการใช้งาน สาเหตุที่ทำให้การทำงานมีปัญหา หรือใช้เม้าส์ไม่คล่อง นั่นคือ การใช้แผ่นรองเม้าส์ที่มีลายการ์ตูน หรือมีลวดลายมากเกินขึ้น ทำให้แสงเลเซอร์ที่ใช้ในการตรวจสอบผิดพลาด ทางแก้ไขก็คือ ให้เลิกการใช้งานแผ่นลองเม้าส์ไปเลย

อันดับ9 : Format ฮาร์ดดิสก์ ทำให้เครื่องเสียเร็ว

โดย ปกติแล้ว การ Format ฮาร์ดดิสก์ เป็นการจัดเรียงข้อมูลใหม่ แน่นอนช่วงการ Format ฮาร์ดดิสก์ย่อมทำงานหนัก แต่ก็ใช้เวลาไม่นานนัก (และส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีใครทำบ่อยๆ) ดังนั้น การจะ Format ฮาร์ดดิสก์ เพื่อติดตั้ง Windows ใหม่ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี และรับรองว่า หลัง Format แล้ว คอมพิวเตอร์ของคุณ จะทำงานได้เร็วขึ้น เมื่อซื้อเครื่องคอมฯ ใหม่เลยทีเดียว


อันดับ8 : คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คราคาแพงกว่าตั้งโต๊ะ

ถ้า เป็นสมัยก่อน คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค จะมีราคาแพงกว่าคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ ถึง 2-3 เท่าตัว แต่ปัจุจบัน ความนิยมในการใช้งานเปลี่ยนไป ความต้องการมีจำนวนมากขึ้น ทำให้มีผู้ผลิตจำนวนมาก เปลี่ยนมาผลิตคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คมากขึ้น ทำให้ราคาในปัจจุบันใกล้เคียงกันแล้ว สำหรับคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คและตั้งโต๊ะ บางร่นอาจถูกกว่าด้วยซ้ำไป

อันดับ7 : ซื้อโปรแกรมแบบรวมมิตร ถูกกว่า
คุณทราบหรือไม่ว่า โปรแกรมแบบรวมมิตร ที่หนึ่งแผ่น มีหลากหลายโปรแกรม และราคาก็อยู่ในหลักแค่ร้อยบาท ส่วนใหญ่เป็นโปรแกรมที่ผิดกฏหมาย


อันดับ6 : จู่ๆ เครื่องคอมฯ ก็ทำงานช้าปกติ สงสัยใกล้เสีย
หลายๆ คนมักเข้าใจผิดว่าเครื่องมีปัญหาจาก ฮาร์ดแวร์ ซึ่งความเป็นจริง อาจเป็นไปได้ แต่ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบในปัจจุบัน ส่วนใหญ่มาจากไวรัส แทบทั้งสิ้น ไม่เชื่อลองรันตรวจสอบไวรัสจากโปรแกรม antivirus ในเครื่องคอมฯ ของคุณดู

อันดับ5 : เปิด-ปิด เครื่องคอมฯ ทำให้เครื่องพังเร็ว
ความ เป็นจริงแล้ว การเปิด-ปิด เครื่องคอมพิวเตอร์ อาจมีส่วนทำให้คอมฯ มีปัญหาได้บ้าง ถ้าการเปิด-ปิด เกิดไฟช๊อตระหว่างขั้นตอนการเปิด-ปิด (วิธีที่ถูกต้องห้ามทำการเปิด-ปิดแบบทันที ควรเว้นระยะไว้สักครู่ก่อน เปิด-ปิด)


อันดับ4 : โปรแกรมแอนตี้ไวรัส (Antivirus) ติดตั้งแล้ว จะไม่ติดไวรัส
โปรแกรม นี้ไม่ฟรีแน่นอน แต่ต้องการของฟรี ก็มีให้เลือกมากมาย (ค้นหาได้จากเว็บไอที-ไกด์ ของเรา) และทีสำคัญหลังติดตั้งโปรแกรม Antivirus แล้ว หลายๆ คนมักเข้าใจผิดว่า เครื่องคอมฯ ของเราจะไม่ติดไวรัสแล้ว ซึ่งความเป็นจริง ยังต้องมีขั้นตอนการใช้งาน การอัปเดท และอื่นๆ อีกมาก อย่าเพิ่งเข้าใจผิดน่ะครับ
อันดับ3 : ติดตั้งโปรแกรมใหม่ๆ ทำให้เครื่องคอมฯ ทำงานเร็วขึ้น
ความ คิดนี้โดยส่วนใหญ่ เป็นความคิดไม่ถูกต้อง เพราะโปรแกรมที่มีการพัฒนาใหม่ๆ (ส่วนใหญ่) โดยเฉพาะ Microsoft Windows / Office ต้องการคุณสมบัติของคอมพิวเตอร์ที่สูงขึ้นเสมอ ดังนั้น ถ้าติดตั้งในเครื่องคอมฯ สเปคเดิมๆ รับรอง ทำงานช้าลงแน่นอน


อันดับ2 : โปรแกรม Microsoft Office เป็นของฟรี
โปรแกรม นี้ก็เช่นเดียวกัน Microsoft Office เป็นโปรแกรมรวม ซึ่งประกอบด้วย Microsoft Word, Excel, PowerPoint และโปรแกรมอื่นๆ แล้วแต่รุ่นย่อยของ Microsoft Office โปรแกรมเหล่านี้ ไม่ใช่ของฟรี และราคาก็ค่อนข้างสูงมาก เมื่อเทียบกับระบบปฏิบัติการ Windows (ถ้าต้องการของฟรี สามารถใช้โปรแกรมประเภท Office ที่เป็นฟรีแวร์ได้เช่นกัน)
อันดับ1 : ระบบปฏิบัติการ Windows เป็นของฟรี
หลายๆ คนมักเข้าใจผิดว่า เมื่อซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว เราจะได้ระบบปฏิบัติการ Windows แถมมาด้วย ซึ่งความเป็นจริงแล้ว คอมพิวเตอร์ที่มีแบรนด์ดังๆ มักแถมมาให้ตอนซื้อเครื่องคอมฯ (แต่ลึกๆ แล้ว เขาได้บวกไปแล้วกับตัวเครื่อง) สำหรับราคาของระบบปฏิบัติการ Windows อยู่ในราคาหลายพันบาท



ที่มาท็อปเทนไทยแลนด์

วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2553

ประวัติของ Vespa


เวส ป้า (Vespa) เป็นรถมอเตอร์สกู้ตเตอร์ เริ่มผลิตที่ Pontedera ประเทศอิตาลี ในปี ค.ศ. 1946 โดย Piaggio& Co,S.p.A เวสป้าแพร่หลายในช่วงปี 50s และ 60s เป็นที่นิยมกันในหมู่วัยรุ่นอังกฤษ โดยเฉพาะพวก Mods

หลัง สงครามโลกครั้งที่ 2 Piaggio ที่แต่เดิมมีโรงงานผลิตชิ้นส่วนของเรือและส่วนเครื่องบิน หันมาผลิตเครื่องยนต์แบบง่ายในแบบ Four - Part P 108 ให้กับรถเวสป้า ที่โรงงาน Pontedera จึงเกิดความคิดที่สร้างยานพาหนะเล็ก ๆไว้เดินทางขนส่งและสำรวจใน โรงงานคือ MP5 หรือโดนัลดัค ซึ่งในรุ่นนี้ทำจากซากชิ้นส่วนของเครื่องบิน มันคือ Scooter รถจักรยานยนต์คันเล็ก ๆ ที่มีล้อต่ำ ๆ ช่วยต่อการขับขี่ไม่สิ้นเปลืองน้ำมันและราคาไม่แพง

ใน เดือนธันวาคมปีค.ศ. 1945 รถเวสป้ารุ่น MP6 ก็ถูกผลิตออกมาด้วยองค์ประกอบหลายอย่างที่สะดวกสบาย มีล้ออะไหล่ซึ่งขับขี่แบบง่ายๆถ้าในเวลาขับขี่รถติดก็มีที่กำบังกันน้ำ กระเด็นใส่ Enrico ได้ฟังเสียงรถ MP6 เขาร้องออกมาว่า"มันเหมือนตัวต่อ ร้องเลย" ตั้งแต่นั้นมา Enrico ก็เลยให้ชื่อเสียงเรียงนามเรียกรถนี้ว่า Vespa ซึ่งแปลว่าตัวต่อ (Wasp)

รุ่น แรกมี scooterขนาดเล็กที่ใช้โครงสร้างตัวถังแบบชั้นเดียวแทน หลังจากผลิตรถรุ่นดังกล่าวได้ประมาณ 100 คัน จากนั้นจึงลงมือผลิตรุ่นที่ใช้ชื่อว่า Vespa (Wasp) ออกมารถรุ่นนี้มีความก้าวหน้ามากทั้งในด้านรูปทรงและ ด้านวิศวกรรม ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นต้นแบบของVespa ที่มีการวางจำหน่ายในท้องตลาดจนถึงกลางทศวรรษ1990 scooter รุ่นแรกที่มีขนาดเครื่องยนต์เพียง 98cc.ต่อมาได้มีการพัฒนาให้มีขนาด 125cc. 150cc.และ 200cc. ตามลำดับ

ปัจจุบันเวสป้ามีออกมาทั้งหมด 138 รุ่น